เปิดไอเดียกับเมนูไซส์เล็ก จาก 3 ร้านอาหารเจ้าดัง ที่ยอดขายไม่เล็ก! ราคาถูก สู้เศรษฐกิจ

Jun 28, 2022

เปิดไอเดียกับเมนูไซส์เล็ก จาก 3 ร้านอาหารเจ้าดัง ที่ยอดขายไม่เล็ก! ราคาถูก สู้เศรษฐกิจ


1. ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำคำละ 2 บาท”  เจ้าดังแห่งเมืองลำพูน ตั้งต้นจาก 100 ถ้วย สู่ยอดขาย 2,000 ถ้วยต่อวัน
2. ร้าน “กะเพรา ข้าวผัด ผัดซีอิ๊ว ครัวเจ๊ฝ้าย” จากร้านสเต็ก มาขายอาหารตามสั่งสู้วิกฤติ ปรับเป็นเมนูไซส์เล็ก ช่วยลูกค้าประหยัด ขาย 29 บาท
3. ร้าน “ราเมนนะ” ราเมนเริ่มต้น 25 บาท ที่พีคสุด 1,000 ชามต่อวัน!?

พร้อมแนวคิดของแต่ละร้าน และเทคนิคมัดใจลูกค้าอยู่หมัด เป็นไอเดียให้กับผู้ประกอบการ สู้วิกฤติเศรษฐกิจ ดึงดูดลูกค้าเข้าร้านให้มากขึ้นกว่าเดิม
ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำคำละ 2 บาท

เฮียเจ-นันท์มนัส จิรสินตระกูล เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำคำละ 2 บาท เจ้าดังแห่งเมืองลำพูน ปรับตัวมาขายถ้วยเล็ก คำละ 2 บาท ตั้งต้นจาก 100 ถ้วย สู่ยอดขาย 2,000 ถ้วยต่อวัน!

เริ่มจากร้านกาแฟโบราณ ชื่อร้าน “เฮียเจ รักษ์กาแฟโบราณ” อยากหาอะไรมาขายให้เข้ากับกาแฟโบราณ จึงเริ่มขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำในราคาปกติ 20-25 บาท หลังจากขายได้ 8 เดือน เจอพิษโควิด-19 ยอดขายตกลงอย่างมาก ต้องหาทางดึงคนเข้ามาที่ร้าน พอดีไปเจอถ้วยใบเล็กน่ารักที่จังหวัดลำปาง เลยลองซื้อมาใส่ก๋วยเตี๋ยวขายดู 100 ถ้วย กะจะทำแบบน่ารักสำหรับลูกค้าไว้ถ่ายรูป ตั้งราคาถ้วยละ 2 บาท ขายได้สองวันการตอบรับดีเกินคาด โลกโซเชียลแชร์กันจนเป็นกระแส คนก็เริ่มมาร้านเยอะขึ้น และสั่งถ้วยละ 2 บาทกันเป็นหลัก เลยตัดสินใจสั่งซื้อถ้วยเพิ่ม และต้องหยุดขายราคาปกติ กลายเป็นถ้วยละ 2 บาทไปโดยปริยาย

ลูกค้าหลักนอกจากคนในพื้นที่ ก็มีนักท่องเที่ยวที่มาตามกระแสกันเยอะ จากทั่วประเทศ ไกลสุดจากตรังก็มี มากัน 6 คน สั่งไป 300 ถ้วย เค้าเห็นว่าร้านดังมาก ตั้งใจมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านโดยเฉพาะ ลูกค้าทั่วไปถ้าเป็นผู้หญิงจะสั่ง 10-15 ถ้วย ผู้ชายก็ 20 ถ้วยขึ้นไป

คุณแจ เจ้าของร้านบอกว่า ถึงแม้จะขายได้ 2,000 กว่าถ้วยต่อวัน แต่ได้กำไรไม่มาก เพราะใช้วัตถุดิบเกรดคุณภาพ ลูกชิ้นใช้อย่างดี ตกลูกละ 1 บาทแล้ว เพราะอยากให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับ 2 บาทที่จ่ายมา แต่กำไรของร้านมาจากกาแฟ เครื่องดื่ม และขนมที่ขายพ่วงอยู่ในร้าน ซึ่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 2 บาทนี่หละ ที่ช่วยดึงให้ทุกอย่างมีกำไรขึ้นมาได้

เคล็บลับของร้านอยู่ที่การทำให้ร้านมีจุดเด่น  ก๋วยเตี๋ยวต้มยำคำละ 2 บาท เหมือนกินของว่าง ลูกค้ากินกันไป คุยกันไป เหมือนกินขนม และถ่ายรูปสวย ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว เรียกว่า ถ้ามาลำพูนต้องมาเช็คอิน-ถ่ายรูปที่ร้านนี้ นอกจากนี้ยังวางแผนทำอย่างอื่นอีก เช่น อาหารโบราณ ที่อายุเกิน 80 ปี ที่หายไปจากเชียงใหม่-ลำพูน
ร้านกะเพรา ข้าวผัด ผัดซีอิ๊ว ครัวเจ๊ฝ้าย

จากร้านสเต็ก มาขายอาหารตามสั่งสู้วิกฤติ เมนูไซส์เล็ก ช่วยลูกค้าประหยัด ขายราคา 29 บาท ปริมาณพออิ่ม ส่งเดลิเวอรี่ง่าย ผลตอบรับดีมาก ช่วยประคองร้านสเต็กไปได้ และพนักงานที่ร้านจะได้มีงานทำด้วย

เผยแนวคิด จากคุณมัทธิว จันสุภี เจ้าของร้านสเต็กชื่อ Chef Phu kitchen ที่ขายแบบนั่งกินในร้านและเดลิเวอรี่ เมื่อประสบปัญหาวัตถุดิบแพง ประกอบกับลูกค้าต้องการความหลากหลาย และไม่มีใครกินสเต็กได้ทุกวัน ดังนั้นจะขายแต่สเต็กไม่ได้ ร้านอาหารตามสั่งจึงน่าจะตอบโจทย์ที่สุด คุณภู-เจ้าของร้านจึงเปิดอีกร้านชื่อ “กะเพรา ข้าวผัด ผัดซีอิ๊ว ครัวเจ๊ฝ้าย” ขายเดลิเวอรี่เท่านั้น

ตอนแรกทำขายไซส์ปกติ 55 บาท แต่ขายได้น้อย พอลองวิเคราะห์ดูพบว่าลูกค้าก็เจอพิษโควิด-19 เช่นกัน แถมข้าวของยังแพงขึ้น กำลังซื้อลดลง เลยลองปรับอาหารตามสั่งลงมาเป็นไซส์เล็ก แล้วขาย 29 บาท ใส่แก้วพลาสติกมีฝาปิดง่ายต่อการเดลิเวอรี่ ผลตอบรับดีมาก ยอดขายดีกว่าขายแบบไซส์ใหญ่อย่างเดียว เพราะไซส์เล็ก 29 บาท ซื้อง่ายขายคล่องกว่า ปริมาณก็พออิ่ม หรือสั่งสองอย่างก็ไม่แพง ปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 50 แก้วต่อวัน ผ่านแอปฯ โรบินฮู้ดและไลน์แมน

จากยอดขายถือว่ายังมีกำไร ที่สำคัญช่วยประคองร้านสเต็กไปได้ และพนักงานที่ร้านจะได้มีงานทำด้วย แต่ต้องบริหารวัตถุดิบให้ดี ทุกอย่างต้องชั่ง-ตวง-วัด อย่างที่ร้านจะให้หมูหรือไก่เมนู 50 กรัม เป็นปริมาณที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ที่เป็นกระแสเพราะคนมองว่าเป็นเรื่องดี ที่ช่วยลดราคา ช่วยค่าครองชีพ ในขณะที่เราก็อยู่ได้ เป็นเพราะคนสั่งเห็นว่าถูก แล้วก็ไม่น้อยเกินไป สามารถสั่งไปให้ลูกๆ หลานๆ กินได้หลายคน หรือบางคนก็สั่งสองอย่าง ก็ได้กินหลากหลายขึ้น และในอนาคตจะเปิดขายอาหารไซส์ 29 บาทที่หน้าร้านด้วย

และยังฝากข้อคิดให้ร้านขนาดเล็ก ลองปรับขนาดอาหารให้เล็กลง แล้วขายในราคาถูกลงดูก็ได้ ให้มองว่าเราแย่ ลูกค้าก็แย่เหมือนกัน อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ถ้าทุกร้านขนาดเล็กช่วยลูกค้าประหยัด ลูกค้าจะเห็นดีและพร้อมจะอุดหนุนเรา และต้องบริหารจัดการให้ไม่ขาดทุน
ร้านราเมนนะ

ราเมนเริ่มต้น 25 บาทขายได้เฉลี่ยวันละ 500-600 ชาม พีคสุด 1,000 ชามต่อวัน! ขายดีจนมีสาขาเพิ่ม พร้อมขายแฟรนไชส์

จากประสบการณ์เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นมาหลายปี และความที่ชอบกินราเมน จนพัฒนามาเป็นแบรนด์ “ราเมนนะ” ร้านราเมนที่ตั้งเป้าเปิดในสรรพสินค้าโดยเฉพาะ ด้วยความที่ราเมนเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทย  แต่เวลาจะกินสักชามนึงราคาหลายร้อย คุณจิ๊บ- ปูริดา ฑิธฐะโกศล เจ้าของร้านราเมนนะ จึงเอาต้นทุนมาลองคำนวนดู ประเมินต้นทุนจากวัตถุดิบ และซัพพลายเออร์ที่มี แล้วลองดูว่าจะสามารถขายที่ราคาเท่าไหร่ ที่ยังมีกำไรและลูกค้าเข้าถึงได้ จึงเกิดเป็น ราเมน 25 บาท 

โดยเริ่มเปิดร้านที่ Center one ผลตอบรับดีมาก ลูกค้าชมว่าราเมนอร่อย ลูกค้าเยอะจนไม่ทันตั้งตัว เป็นเพราะมีเพจดังมารีวิวจนกลายเป็นกระแส ทำให้ช่วงแรกมีปัญหา ลูกค้ารอนาน ออเดอร์หลุด ต้องแก้ปัญหาด้วยการจ้างคนเพิ่ม ฯลฯ ปัจจุบันยอดขายอยู่ที่ เฉลี่ยวันละ 500-600 ชาม หรือช่วงที่พีคที่สุดคือ 1,000 ชามขึ้นไปต่อวัน 

จุดเด่นของราเมน 25 บาท คือ ราคา 25 บาท ช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี ลูกค้าสามารถสั่งได้หลายอย่าง มาลองชิมดูก่อน ได้กินน้ำซุปหลายรส ถ้าติดใจสามารถสั่งชามใหญ่ 89 บาทได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ชอบกินราเมนอยู่แล้ว

คุณจิ๊บ ให้ข้อคิดว่าอาจเป็นเพราะกระแสที่ทำให้ร้านเป็นที่สนใจ แต่เราต้องรักษากระแสเอาไว้ให้คงอยู่ รสชาติต้องได้ บริการต้องได้ วิธีคิดคือ เอาวัตถุดิบเป็นตัวตั้ง แล้วดูปริมาณกับกำไรให้พอเหมาะสมกัน หมั่นตรวจสอบเพจของร้านอยู่ตลอดเพื่อดูฟีดแบคจากลูกค้า ต้องคอยปรับปรุงและพัฒนาเรื่อยๆ สำหรับปีนี้ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 10 สาขา จากปัจจุบัน 2 สาขา และเปิดขายแฟรนด์ไชส์ ให้ผู้ที่สนใจมาร่วมลงทุน

สุดท้ายคุณจิ๊บ ฝากให้กำลังร้านร้านอาหารที่ประสบปัญหาช่วงนี้ว่า อย่าท้อ ให้ลองพยายามดูก่อน ผลที่เกิดแค่วันสองวัน ยังไม่พิสูจน์ตัวเองมากพอ ถ้าคิดได้ อย่ารอ อย่าเดี๋ยว ลงมือทำเลย วันหนึ่งจะได้เจอความสำเร็จ

Explore more topics
ร้านอาหารรีวิวร้านอาหารเมนูอาหาร

Keep reading

Get inspired by content for restaurants.

View All Articles
What categories interest you?